หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หนังสือซี่รี่บริหารจัดการ"The Lemming Dilemma"

ชื่อหนังสือ "The Lemming Dilemma" สภาวะลำบากของ

หนูเลมมิงจ์

ผู้เขียน David Hutchens

ผู้แนะนำให้ผมอ่านอาจารย์ภิญโญ รัตนาพันธุ์



การใช้ชีวิตอย่างมีจุดประสงค์  และนำอย่างมีวิสัยทัศน์    สู่ความเป็นเลิศส่วนบุคคล (Personal Mastery)
เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องผ่านตัวการ์ตูน ตัวละครหลักๆ คือหนูเลมมิงจ์ (ไม่ต้องถามนะครับว่าเป็นสัตว์อะไร เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน) และที่หนักเข้าไปอีก คือหนูเลมมิงจ์มีพฤติกรรมที่น่าเลียนแบบมาก คือ ชอบโดดลงจากหน้าผา พฤติกรรมนี้เอง เป็นบ่อเกิดให้ผู้เขียน David นำมาใช้ประโยชน์เพื่อเปรียบเทียบ การใช้ชีวิตแบบไปเรื่อยๆ ตามสภาพสิ่งแวดล้อม และสังคม กับการใช้ชีีวิตแบบมีจุดประสงค์ ซึ่งในเล่มตัวเอกชื่อเอมมี่ ตั้งคำถามว่า"ทำไมต้องหนูเลมมิงจ์ต้องกระโดดลงหน้าผา ถ้าโดดลงไปแล้วจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่โดดจะเป็นอย่างไร" ถ้าได้อ่านแล้ว รู้สึกเพลินๆดี และอ้าวจบแล้วหรือ แล้วไหนใช้ชีวิตอย่างมีจุดประสงค์ และนำอย่างมีวิสัยทัศน์ ??? ไอ้คนเขียน blog นี้ มันหลอกให้เสียทั้งเงิน และเวลาแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ปวดหัวครับของหนักๆ สาระเต็มมีเพียบในครึ่งหลังของหนังสือ ซึ่งผู้เขียน David น่าจะมีจุดประสงค์ยกตัวอย่าง การ์ตูน เพื่อให้เห็นภาพ และเข้าใจเนื้อหาหนักๆ ได้ดีขึ้น

จุดประสงค์วิสัยทัศน์
"ทำไมฉันจึงดำรงอยู่ ?"  "ฉันต้องการสร้างสรรค์
สิ่งใดบ้าง?"
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เร่งให้เกิดการกระทำ 
ให้มีกระบวนการในการ และกระบวนการในการ
ค้นพบ;เผยออกมาเมื่อ จินตนาการคิดประดิษฐ์ 
เวลาผ่านไปและเผย และออกแบบ ;บางสิ่ง
ออกมาเหมือนอาศัยอยู่ ที่คุณเลือกที่จะทำให้
ในชีวิตของคุณเอง เกิดขึ้นจริง
ดำรงอยู่อย่างยาวนาน  มีการเปลี่ยนแปลง;คุณ
อาจจะอยู่คงที่ตลอด มีวิสัยทัศน์หลายอย่าง
ชีวิตส่วนใหญ่ของคุณ ตามประสบการณ์ 
และช่วงอายุของคุณ

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ สำหรับนักเรียน นักศึกษาอ่านทำความเข้าใจเพื่อปูพื้นความรู้
สำหรับผู้บริหาร และผู้ที่ทำงานมาหลายปีแล้ว นี่คือ 1 ในหนังสือที่ก่อนตาย ขอให้ท่านได้อ่าน
ซึ่งถ้าใครได้อ่านแล้ว และผ่านมาที่ blog นี้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้วยนะครับ
แล้วพบกันในหนังสือ เล่มต่อไปยังอยู่ในซี่รี่การ์ตูนเชิงบริหารอยู่นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แนะนำหนังสือดีๆ พฤติกรรมพยากรณ์ (Predictably Irrational)

ชื่อหนังสือ พฤติกรรมพยากรณ์ (Predictably Irrational)

ผู้เขียน Dan Ariely


หนังสือเล่มนี้เป็นการเปิดมุมมองทีหลายๆคนประสบพบเจอในชีวิตประจำวัน แต่ไม่เคยรู้สึกเลยว่ามีการขายสินค้าโดยใช้การตลาดชักจูงเราอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งผมจะยกบางส่วนของหนังสือมาพูดคุยครับ
ใน บทที่ 1 ว่าด้วยเรื่องของความจริงเกี่ยวกับการเชื่อมโยง อ่านชื่อเรื่องแล้วก็งงๆ แต่ผมจะพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายๆครับ มันมีเนื้อหาเกี่ยวกับตัวล่อ(ไม่ใช่ม้าผสมกับลานะครับ) แต่มันเป็นตัวแสบที่นักการตลาดมาทำให้เราไขว้เขว้ และตัดสินใจในสิ่งที่เค้าต้องการดังตัวอย่างโฆษณานี้ครับ

                           อัตราค่าสมัครสมาชิก
     ยินดีต้อนรับสู่ Grossip.com
     กรุณาเลือกประเภทสมาชิกที่คุณต้องการสมัคร
 O สมาชิกเว็บไซต์ Grossip.com -59 bath
    ได้รับสิทธิ์ในการค้นหาและอ่านบทความออนไลน์
    ของ Grossip.com เป็นเวลา 6 เดือน
 O สมาชิกสิ่งพิมพ์ -125 bath
    ได้นิตยสาร Grossip 12 ฉบับ
 O สมาชิกสิ่งพิมพ์ และเว็บไซต์ -125 bath
    ได้นิตยสาร Grossip 12  ฉบับ และ
    ได้รับสิทธิ์ในการค้นหาและอ่านบทความออนไลน์
    ของ Grossip.com เป็นเวลา 6 เดือน

สมมติว่าเราสนใจการให้บริการนี้ และเราต้องเลือกซื้อบริการนี้คนส่วนใหญ่รวมทั้งผมจะเลือกข้อ 3 เป็นสมาชิกสิ่งพิมพ์ และเว็บไซต์ ซึ่งทางผู้เขียนหนังสือ(Dan Ariely) สงสัยในทางเลือกที่ 2 ว่ามีไว้ทำไมยังไงก็ไม่มีคนเลือก เค้าเลยตั้งสมมติฐานว่าต้องมีอะไรกับทางเลือกนี้แน่ๆ และได้ทำการทดลอง โดยทดลองทำโฆษณาไปให้นักศึกษา 100 คน เลือกซื้อบริการนี้ผลที่ได้คือนักศึกษาเลือก ข้อ 1 16 คน ข้อ 2 0 คน และข้อ 3 84 คน ซึ่งไม่เหนือความคาดหมาย และได้ทดลองอีกครั้งตามสมมติฐาน คือตัดทางเลือกที่ 2 ออก ปรากฎว่านักศึกษา เลือกข้อ 1 ถึง 63 คน เลือกข้อ 3 เพียง 32 คน จากการทดลองสรุปได้ว่าทางเลือก 2 ไม่ได้มีไว้ให้คนเลือก แต่มีไว้ล่อให้เลือกข้อ 3 ซึ่งจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ยังมีอีกหลายตัวอย่างในเล่มเกี่ยวกับบทที่ว่าด้วยตัวล่อ (ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อบทเลยนะครับ จะได้เข้าใจง่าย) ภายในเล่มซึ่งอ่านแล้วจะทึ่ง และมีประโยชน์ในการนำไปใช้ป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกหลอก หรือนำไปล่อคนอื่นซะเลย ยังมีแถมนิดหน่อยครับ
บทที่ 3 ว่าด้วยเรื่อง ต้นทุนของ"ของฟรี" ต้องอ่านหลายตัวอย่างหน่อยถึงเข้าใจ สรุปตัวอย่างง่ายของอิทธิพลของของฟรี เค้าทดลองให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีบัตรส่วนลดซื้อของมูลค่า 200 บาท
ขายในราคา 80 บาท และ บัตรส่วนลดซื้อของมูลค่า 100 บาท แจกฟรี ดูเพลินๆคนควรมีเหตุผลและเลือกบัตร 200 บาท เพราะได้ผลประโยชน์มากว่า 20 บาท แต่ผลการทดลองกลับออกมาว่าคนเลือกบัตรฟรี 100 บาท แบบถล่มถลายซึ่งจากผลการทดลองนี้ ทำให้เราต้องเข้มแข็งเพิ่มขึ้นในของยั่วใจที่ชื่อ ของฟรี หรือเราจะนำไปใช้ในการทำการตลาดก็ได้
บทวิเคราะห์วิจารณ์(ส่วนตัวผมเองนะครับ)
1.รับรองว่า ถ้าซื้อมาอ่านคุ้มทั้งเงิน และเวลา เราจะได้ลุ้นว่าผู้เขียนจะทดลองอะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมของคน
2.ทำให้ได้รู้เรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ ทำให้จะทำอะไรคิดมากขึ้น
3.บางเรื่อง หรือการทดลองยังไม่ครอบคลุมคนเอเชีย ซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่าง ถ้าจะนำไปใช้ประโยชน์จริงๆ เราต้องทดลองเพิ่มเติม
แล้วพบกันใหม่ในหนังสือเล่มถัดไปนะครับ